สองแม่ลูก เดินเข้ามาสั่งบะหมี่ถ้วยเดียว เจ้าของร้านจึงตัดสินใจ "เข้าไปโกหก" ทั้งคู่
LIEKR:
หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเพิ่มเติมได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ
เรื่องธรรมดาๆ อย่าง “บะหมี่” แค่ถ้วยเดียว มันอาจเป็น "ของขวัญที่ล้ำค่ามากที่สุด" ของหนึ่งครอบครัว วันนี้แอดมินไปพบคลิปดีๆที่น่าดู ในเรื่องนี้มีแม่ลูกคู่หนึ่งได้เดินจูงมือกันเข้าไปร้านอาหารร้านหนึ่ง จากนั้นก็สั่งบะหมี่ 1 ถ้วยจะมีแถมผักที่เป็นกับแกล้มมาด้วยถ้วยเล็กๆ ในตอนนั้นเจ้าของร้านประหลาดใจมากว่ามา 2 คน ทำไมสั่งบะหมี่แค่ถ้วยเดียว?
เมื่อเจ้าของร้านเอาบะหมี่มาเสิรฟ์ก็สั่งเกตเห็นว่าแม่นั่งกินกับแกล้มมองหน้าลูกชายที่กินบะหมี่อย่างเอร็ดอร่อย ตอนนั้นเองทำให้เจ้าของร้านเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ใบหน้าของแม่เต็มไปด้วยความสุขเมื่อได้เห็นลูกชายกินอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อทั้งสองกินเสร็จ
ขณะที่เตรียมพร้อมกำลังจะจ่ายเงินนั้นเอง เจ้าของร้านก็โกหกไปว่า “ยินดีด้วยครับ คุณเป็นลูกค้าคนที่ 100 ของร้าน เพราะฉะนั้นบะหมี่ถ้วยนี้กินฟรีครับ!”
ผ่านไปไม่กี่วันเจ้าของร้านก็เห็นเด็กชายคนนั้นอีกครั้ง วันนี้เขานั่งอยู่ใกล้ๆหน้าร้านที่พื้นมีเศษไม้จำนวนมากวางเรียงกันอยู่ เหมือนกับว่าเด็กชายคนนี้กำลังนั่งนับลูกค้าที่เข้าร้านอยู่ ในตอนนั้นทำให้เจ้าของร้านรู้สึกเห็นใจเด็กคนนี้มาก จึงโทรเรียกให้เพื่อนๆมากินอาหารที่ร้านฟรีและกำชับให้พาเพื่อนมากันเยอะๆเพื่อจะได้ครบ 100 เด็กชายคนนี้จะได้กินบะหมี่ฟรี
จนกระทั่งพอถึงลูกค้าคนที่ 99 เด็กชายก็รีบวิ่งหายไป และกลับมาพร้อมกับจูงมือแม่เข้ามาที่ร้านอีกครั้ง และหันมาถามเจ้าของร้านว่า “ผมและแม่เป็นลูกค้าที่ 100 ใช่ไหมครับ?” เจ้าของร้านตอบว่า “ใช่แล้ว! พวกเธอเป็นลูกค้าคนที่ 100 เชิญมากินบะหมี่ฟรีได้เลย”
เหตุการณ์นี้ทำให้เจ้าของร้านดีใจมาก ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการโกหก แต่ก็เป็นคำโกหกที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจมาก ในวันนั้นเด็กชายคนนี้ให้แม่กินบะหมี่ทั้งที่ตนเองก็อยากกินมาก แต่รู้ไหมเขาก็อิ่มมากเหมือนกัน นั้นเพราะเขาเห็นแม่กินอย่างมีความสุขไงละ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่บะหมี่ถ้วยเดียว แต่สำหรับแม่ลูกคู่นี้มันเป็นของขวัญที่นับค่าไม่ได้เลยจริงๆ
มีหลายถามผมว่าทำไมไม่ให้พวกเขากินฟรีทั้ง 2 ถ้วยเลยล่ะ? ผมตอบไปว่า "ผมอยากให้เด็กคนนี้ได้เรียนรู้ว่าบางครั้งท้องเราอาจจะว่าง แต่ก็สามารถอิ่มเอมใจได้ และผมต้องรักษาสัญญาที่โกหกเด็กคนนี้ไป"
ชมคลิป
คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<
ที่มา: Youtube-ลุยจีน Shoot2China