พาชมคฤหาสน์หรู "เศรษฐีนีอัมบานี" มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้าน อยู่กัน 5 คน แต่ยิ่งใหญ่เทียบเท่าพระราชวังบักกิ้งแฮม

LIEKR:

ร่ำรวยที่สุดในอินเดีย ใหญ่ที่สุดในเมือง แต่ทั้งหลังมีคนอยู่แค่ 5 คนเท่านั้น

    พบกับตระกูล “อัมบานี” ครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย และรวยที่สุดในอินเดีย พวกเขาอาศัยในบ้านที่เป็นตึกสูงระฟ้าราคา $1 พันล้านดอลลาร์ (32.4 พันล้านบาท) จัดว่าแพงเป็นอันดับสองของโลก รองจากพระราชวังบักกิ้งแฮม!!

    หลายคนคงจำงานพรีเวดดิ้ง และงานแต่งงานที่น่าจะมีราคาแพงที่สุดในโลกอย่าง งานวิวาห์ของ ไอชา อัมบานี ลูกสาวมหาเศรษฐีอินเดียที่รวยที่สุดในประเทศได้ ซึ่งครั้งนั้นมีค่าใช้จ่ายในการจัดงานราวๆ 3 พันล้านบาท (แค่งานพรีเวดดิ้งนะคะคุณ)

    งานวิวาห์ของไอชาครั้งนั้น มีแขกคนดังระดับโลกมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ร่วมถึงเจ้าภาพในงานยังได้จ้าง บียอนเซ่ นักร้องสาวอาร์แอนด์บี กับค่าตัวจุกๆ เพียง $6 ล้านดอลลาห์สหรัฐ (197 ล้านบาท) ซึ่งเงินเท่านี้เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งใน 3 พันล้านจ้าาาา

    ตระกูลอัมบานี นำโดย นายมูเกช อัมบานี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน ปิโตรเคมี สิ่งทอ ไปจนถึง คมนาคม ของประเทศอินเดีย ภายใต้บริษัทที่ชื่อว่า Reliance Industries Limited ซึ่งเขาเป็นเจ้าของทรัพย์สินมูลค่า $49.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท ติดอันดับที่ 21 ของโลก

    จุดเริ่มต้นความมั่งคั่งของครอบครัวอัมบานี ก็คงต้องยกให้เป็นผลงานของ นายดิรุฟ อัมบานี ผู้ก่อตั้ง Reliance Industries Limited โดยเริ่มต้นจากการผลิตสิ่งทอ จากนั้นได้ต่อยอดไปทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จกลายเป็นหนึ่งในครอบครัวที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ปัจจุบัน Reliance เป็นบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 มีมูลค่ากว่า $5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ

    อย่างไรก็ตาม นายดิรุฟ ได้จากไปอย่างกระทันหันในปี 2002 โดยที่ไม่ทำพินัยกรรมใดๆ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้สองพี่น้อง นายมูเกช และ นายอนิล ขัดแย้งกัน (อย่างว่าเงินไม่เข้าใครออกใครจริงๆ) แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามคนที่มาเป็นกาวใจ ผสานรอยร้าวที่เกิดขึ้นคือ แม่ของพวกเขานั่นเอง

    ทั้งคู่ได้ฤกษ์แบ่งสมบัติในปี 2005 และแบ่งหน้าที่ในการบริหารงานต่างๆ ในบริษัท โดยนายมูเกชได้เป็นประธานและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ Reliance Industries และได้เข้าไปควบคุมธุรกิจน้ำมัน, ก๊าซ, ปิโตรเคมี และ ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ส่วนนายอนิล ได้ดูแลในส่วนธุรกิจก่อสร้าง, การสื่อสารโทรคมนาคม, บริษัทบริหารสินทรัพย์, สื่อบันเทิง และ โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า

    นายมูเกช อัมบานี แต่งงานกับ นิต้า อัมบานี ซึ่งในปี 2016 Forbes เรียกเธอว่า “สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของธุรกิจอินเดีย”

    นิต้าเป็นประธานมูลนิธิ Reliance ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลของบริษัท เธอยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการด้านกีฬาของ บริษัท รวมถึงวางกลยุทธ์ทางการตลาดและการสร้างแบรนด์สำหรับ Reliance Jio ผู้ให้บริการเครือข่ายด้านมือถือ

    นิต้า และ มูเกช มีลูกสามคน คือสองฝาแฝด ไอชา และ อกาช อัมบานี และ ลูกชายคนสุดท้อง อนันต์ อัมบานี ทั้งนี้ อกาชยังได้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ Reliance Jio บริษัทด้านโทรคมนาคมของอินเดีย บริษัทในเครือของ Reliance Industries

    ปัจจุบัน อกาช ได้แต่งงานกับ Shloka Mehta ทายาทเจ้าของธุรกิจค้าเพชร ณ นครมุมไบ ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา งานแต่งของเขาเรียกได้ว่าเว่อร์วังไม่แพ้งานแต่งของไอชาเลย

ไอชาร่วมงาน Met Gala 2019

    สำหรับไอชา เธอเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหาร Reliance Retail ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของอินเดีย ซึ่งเป็นบริษัท ย่อยของ Reliance Industries และยังทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการร่วมของ Reliance Jio ซึ่งก่อนหน้านี้ไอชาเคยทำงานที่ McKinsey บริษัทให้คำปรึกษาด้านการจัดการในนิวยอร์ก

    ไอชาแต่งงานกับ อานัล พิรามาล วัย 34 ปี ทายาทนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเภสัชกรรมเมื่อเดือนธันวาคม 2561 แน่นอนความอลังการในงานวิวาห์ของทั้งคู่ยิ่งใหญ่สมฐานะจริงๆ ซึ่งสถานที่ที่จัดงานแต่งงานก็คือบ้านของเจ้าสาวในเมืองมุมไบนั่นเอง

    ตึกสูงระฟ้าจำนวน 27 ชั้น สูง 570 ฟุต มองเผินๆ หลายคนอาจคิดว่านั่นคือโรงแรม แต่นั่นล่ะค่ะคือบ้านของครอบครัวอัมบานี ตึกนี้ถูกเรียกว่า Antilia ได้รับการออกแบบโดย Perkins and Will ซึ่งเป็นสถาปนิกในชิคาโก ส่วน Leighton Holdings บริษัทก่อสร้างในประเทศออสเตรเลียเป็นผู้ดูแลการก่อสร้าง

    แต่ละชั้นของ Antilia จะมีเพดานที่สูงเป็นพิเศษ ตัวตึกสามารถทนต่อแรงแผ่นดินไหวในระดับ 8 ริกเตอร์ได้ ภายในมีสระว่ายน้ำ ห้องบอลลูม โรงภาพยนตร์ ห้องซาลอน ห้องรวมเทพเจ้าฮินดู สวนที่ครอบคลุมถึงสามชั้น ลานจอดรถ 6 ชั้น ซึ่งจอดรถได้ 160 คัน และลานจอดเฮลิคอปเตอร์ 3 จุดบนชั้นดาดฟ้า รวมถึงยังมีแม่บ้าน หรือ คนดูแลบ้านจำนวน 600 คนที่หมุนเวียนผัดเปลี่ยนกันมาดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

    ทั้งนี้ มีการประเมินว่าตึก Antilia นั้นมีมูลค่าสูงถึง $1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 32.4 พันล้านบาท เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่แพงติดอันดับ 2 ของโลก รองจากพระราชวังบักกิ้งแฮม

    อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า หลังจากที่ไอชาแต่งงานกับอานัลนั้น เธอได้ย้ายออกไปอยู่กับสามีในบ้านหลังใหม่ในเมืองมุมไบที่เรียกว่า Gulita ดูๆ แล้วเหมือนห้างสรรพสินค้าไม่มีผิด

    ครอบครัวอัมบานี นั้นมีความสนิทสนมกับบุคคลสำคัญทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น นายเดวิด คาเมรอน (อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ) และ นายนเรนทรา โมดี (นายกรัฐมนตรีของอินเดีย) นายบารัค โอบามา (อดีตนายกรัฐมนตรีสหรัฐอเมริกา) และ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ (นางฮิลลารี คลินตัน) ซึ่งเธอได้มาร่วมงานแต่งงานลูกสาวของเขาด้วย และสองบุคคลสำคัญของสหราชอาณาจักร เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลล์ และ คามิลลา ดัชเชสแห่งคอร์นวอล

    ความมั่งคั่งของตระกูลอัมบานีเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง Jio บริษัทด้านการสื่อสารของตระกูลอัมบานีเขย่าวงการโทรคมนาคมในอินเดียเพิ่มขึ้นเป็น 200 ล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงสองปี ทั้งนี้นาย Deven Choksey กรรมการผู้จัดการของ K.R. มีการเผยกับ Bloomberg เมื่อปี 2018 ว่า “ Jio เป็นตัวขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่อยู่เบื้องหลังกระแสหุ้น Reliance”

    แต่ล่าสุดนั้นได้มีการเปิดเผยว่า มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Facebook และ นายมูเกช เศรษฐีอันดับ 1 ของอินเดียนั้น ได้ตกลงทำธุรกิจร่วมกัน โดยมาร์คได้เข้าซื้อหุ้น 10% ใน Jio Platforms หน่วยโทรคมนาคมและบรอดแบนด์ของอัมบานี ยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมีซึ่งอยู่ในเครือ Reliance Industries มูลค่า 5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ

    ซึ่งข้อตกลงนี้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ Jio Platforms อยู่ที่ประมาณ 66 พันล้านดอลลาร์และจะช่วยให้ Reliance Industries ซึ่งเป็นบริษัทแม่สามารถลดภาระหนี้ได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 43,000 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 ซึ่งบริษัทได้กล่าวว่ามีแผนจะให้หนี้สุทธิเป็นศูนย์ภายในเดือนมีนาคม 2564

    โดยนายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กกล่าวว่า “เรากำลังทำการลงทุนทางการเงินและยิ่งกว่านั้นเรามุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันในโครงการสำคัญๆ ที่จะเปิดโอกาสทางการค้าสำหรับผู้คนทั่วประเทศอินเดีย”

    ด้านนายมูเกซ ประธาน Reliance Industries ประกาศในแถลงการณ์ว่า การร่วมมือกับ Facebook จะช่วยให้ภารกิจ ‘Digital India’ ของนายกรัฐมนตรี นายนเรนทรา โมดี ไปถึงสองเป้าหมายที่วางไว้คือ “ความสะดวกในการใช้ชีวิต และ ความง่ายในการทำธุรกิจสำหรับคนอินเดียทุกประเภทโดยไม่มีข้อยกเว้น”

ที่มา : businessinsider, Fobes, vanityfai


บทความที่คุณอาจสนใจ