สาวฟุบโต๊ะ "งีบหลับทับแขน" นอนทุกวัน สุดท้ายนิ้วชา จนต้องขอให้หมอช่วย

LIEKR:

ควรพอหมอนใบเล็กๆไปที่ทำงานดีกว่านะ

    คุณคงเคยงีบหลับโดยใช้แขนตัวเองแทนหมอนใช่ไหม? เป็นท่าที่หลายๆ คนนิยมทำกัน เวลาที่รู้สึกอยากพักผ่อนในห้องเรียนสักแป๊บ หรืออยากนอนพักช่วงกลางวัน แต่รู้หรือไม่ว่า หากทำท่าทางที่ว่านั้นบ่อยๆ เป็นเวลานาน มันอาจทำลายสุขภาพร่างกายของเราได้มากกว่าที่คิด จนถึงขั้นอาจต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัด เช่นเดียวกันกับหญิงสาวคนนี้

 

    สื่อต่างประเทศเปิดเผย สาวแซ่จาง วัย 28 ปี คือพนักงานออฟฟิศคนหนึ่งในเมืองฮาร์บิน ประเทศจีน เธอเป็นคนที่ชอบงีบหลับตอนพักเที่ยงเป็นอย่างมาก ซึ่งเธอก็จะงีบหลับทับแขนซ้ายของตัวเองทุกวันเป็นระยะเวลาหลายปี เมื่อไหร่ที่ตื่นมาก็จะรู้สึกเจ็บและชาบริเวณปลายนิ้วอยู่บ่อยๆ แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

 

    จนกระทั่งเมื่อช่วงต้นปี 2018 เธอตื่นขึ้นมาจากการงีบหลับและพบว่าเธอไม่รับรู้ความรู้สึกใดๆ จากแขนซ้ายของตัวเองเลย ซึ่งอาการดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่เธอเคยเจอมาก่อนและจะหายไปเองหลังจากผ่านไป 1-2 นาที แต่ทว่าในครั้งนี้มันกลับไม่หายไปจนทำให้ไม่สามารถใช้งานแขนซ้ายได้เลย แม้แต่การหยิบของเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม

 

    ด้วยเหตุนั้น สาวจางจึงเข้ารับการตรวจกับแพทย์และได้รับการวินิจฉัยว่า เส้นประสาทเรเดียล ซึ่งเป็นเส้นประสาทส่วนปลายแขน ไว้ควบคุมการเคลื่อนไหวข้อมือและนิ้วบริเวณแขนข้างซ้ายของเธอได้รับความเสียหายอย่างหนัก อันเป็นผลมาจากการที่งีบทับแขนตัวเองทุกวัน

 

    ในความจริงแล้วอาการเจ็บหรือชาบริเวณปลายนิ้วนั้นสามารถแก้ได้ด้วยการหมั่นบริหารร่างกายตรงบริเวณนั้นอยู่เป็นประจำ แต่สาวจางกลับไม่เคยทำอย่างนั้นและฝืนใช้งานอย่างหนัก จนกลายเป็นเพิ่มแรงบีบคั้นตรงส่วนเส้นประสาทดังกล่าว ความเสียหายทำให้เธอไม่สามารถขยับแขนซ้ายได้ในที่สุด

 

    ยิ่งไปกว่านั้นอาการขั้นรุนแรงของเธอคนนี้ก็สามารถรักษาได้ด้วยการ ผ่ า ตั ด เพียงอย่างเดียวอีกด้วย สุดท้ายแล้วแพทย์หลายๆ คนเตือนว่าการงีบหลับโดยใช้แขนแทนหมอน โดยเฉพาะเมื่อเราทำอย่างนั้นบ่อยๆ เป็นเวลานาน มันจะทำให้เกิดความตึงเครียดบริเวณดวงตา ส่งผลเสียต่อการไหลเวียนของเลือด และยังลามไปถึงระบบย่อยอาหารได้อีกต่างหาก

 

 สุดท้ายแล้วแพทย์จึงจำเป็นต้องทำการผ่ า ตั ด รักษาอาการ ฉะนั้นหากใครรู้ว่าตนเองต้องการจะพักผ่อนในยามบ่ายหรือตอนพักเที่ยงจริงๆ ก็แนะนำให้เอาหมอนใบเล็กๆ ไปที่ทำงานด้วยจะปลอดภัยกว่า จะได้ไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดเหมือนอย่างเธอคนนี้

ที่มา: catdumb

บทความที่คุณอาจสนใจ