ย้อนคำทำนาย "โหรวสุ" ดูดวงเมืองปี 64 ไว้ตั้งแต่ต้นปี เตือนอีกเตรียมรับมือเดือน ก.ค.-ก.ย. ไว้เลย!

LIEKR:

ย้อนคำทำนาย "โหรวสุ" ดูดวงเมืองปี 64 ไว้ตั้งแต่ต้นปี เตือนอีกเตรียมรับมือเดือน ก.ค.-ก.ย. ไว้เลย!

    เรียกได้ว่ากลับมาเป็นกระแสบนโลกออนไลน์อีกครั้ง สำหรับคำทำนายของ โหรวสุ ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อต้นปี ได้ทำนายดวงเมืองประเทศปี 2564 โพสต์ไว้บนเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว มีหลายส่วนที่เกินขึ้นจริง 

    โดยเฉพาะเดือน พฤษภาคม - กันยายน ที่โหรวสุเตือนว่า ให้ระวังจะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้อาคารขนาดใหญ่ในเมือง หรือเกิดอุบัติเหตุแก๊สระเบิด ซึ่งหลายคนนำไปเชื่อมโยงกับเหตุ โรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้

สำหรับคำทำนายทั้งหมดของ โหรวสุ มีดังนี้

    ในปี 2564 นี้โดยรวมการโคจรของดาวต่างๆ ดีขึ้นกว่าปี 2563 เพราะดาวโคตรผิดปกติน้อยลง แต่ดาวพฤหัสที่เป็นดาวใหญ่ที่สำคัญก็ยังคงโคจรผิดปกติ ซึ่งจะมีทั้งโคจรเดินหน้าผิดปกติ และโคจรถอยหลัง ภายใน 1 ปี อีกทั้งตำแหน่งของราหูที่อยู่ในมุมล้วงทรัพย์ดวงเมือง และดาวเสาร์ที่เล็งกับดาวจันทร์ดวงเมืองจะยังคงทำให้ประเทศไทยมีปัญหาด้านการเศรษฐกิจ และการเมืองหนักมากกว่า ปี 2563 

ดวงเมืองช่วง ม.ค. - มี.ค. 64

การเมือง

    เป็นช่วงที่ดาวพฤหัสโคจรช้าอยู่ในราศีมังกรร่วมกับดาวเสาร์ การเมืองจึงยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรในช่วงนี้ รวมถึงยังไม่มีการออกนโยบาย หรือกฎหมายอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ตรงข้ามหน่วยงานราชการหลายแห่งจะทำตัวเฉื่อยชา ใส่เกียร์ว่างไม่ค่อยทำหน้าที่ของตัวเอง จนกว่าจะเข้าช่วงปลายเดือน กุมภาพันธ์ ที่ดาวต่างๆ โคจรเข้ามาอยู่ในราศีมังกรทั้ง 5 ดาว เรียกว่าจะเกิดเหตุการณ์ไฟลนก้น ทั้งในการเมือง และหน่วยงานราชการ จะมีการออกกฎหมาย หรือออกนโยบายแบบเร่งรีบเพื่อเอางบประมาณ หรือสร้างภาพ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบว่าจะเป็นนโยบาย หรือกฎหมายที่มีปัญหาทำให้ประชาชนเดือดร้อน

เศรษฐกิจ - สังคม

    อยู่ในช่วงที่ดาวต่างๆ โคจรช้า และพักองศาเป็นบางดาว ทำให้ธุรกิจต่างๆ หยุดชะงักไม่มีความคืบหน้า รวมถึงธุรกิจด้านการบริการ และการท่องเที่ยวในช่วงนี้ก็อาจจะปิดกิจการ หรือหยุดพักชั่วคราว ส่วนปัญหาสังคมที่ต้องระวังคือ เรื่องหนี้สิน จะมีคนเป็นหนี้เยอะทำให้เกิดปัญหาอาชญกรรม และคดีความที่เกี่ยวข้องกับการทวงหนี้ล้นศาล

ดวงเมืองช่วง เม.ย. - ก.ย. 64

การเมือง

    จะเป็นช่วงที่การเมืองเริ่มมีความดุเดือด และมีความขัดแย้งมากขึ้น ม็อบสารพัดอาชีพจะเริ่มออกมาเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย และกฎหมายที่ส่งผลกระทบ รวมไปถึงม็อบคนจน และเจ้าของธุรกิจที่ปิดกิจการไปในช่วงปี 2563 ถึงต้นปี 2564 ก็จะออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบ หรือลาออก อีกทั้งจะมีม็อบขนาดเล็ก ชุมนุมประท้วงกันในหลายจังหวัดเนื่องจากไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล และถ้าม็อบทั้งหมดนี้ และถ้ารัฐบาลยังเมินเฉยต่อข้อเรียกร้องของประชาชนเหล่านี้ ม็อบทั้งหมดจะรวมตัวกันมาเป็นม็อบใหญ่เข้ามาในกรุงเทพฯ จะทำให้เกิดเหตุการณ์นำไปสู่ความรุนแรง มีการนองเลือด มีคนเสียชีวิตเหมือนช่วง เมษาปี 2552 และ พฤษภาทมิฬ ปี 2535 ซึ่งถ้ามีประชาชนเสียชีวิตในช่วงนี้ ปลายปีจะส่งผลทำให้รัฐบาลมีปัญหาด้านเสถียรภาพ ขาดความน่าเชื่อในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง และรัฐบาลชุดเดิมจะไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งต่อได้ ถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยนตัวนายก หรือจับขั้วทางการเมืองใหม่

    อย่างไรก็ตามผลกระทบนี้ก็จะทำให้พรรคฝ่ายค้านเกิดความแตกแยก ไม่มีเอกภาพด้วยเช่นกัน ส่งผลทำให้ช่วงครึ่งปีหลัง รัฐบาลนอกจากไม่มีเสถียรภาพในการทำงาน และไม่มีความน่าเชื่อถือแล้ว ฝ่ายค้านก็แตกแยกกันจนไม่มีการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล และล้มเหลวในการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่งผลทำให้ ช่วงเดือนตุลาคม การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ผลักดันกันมาในปี 2563 จะล้มเหลว กลับไปเริ่มต้นนับศูนย์ใหม่ ไม่มีการแก้ไขรธน.เกิดขึ้น

เศรษฐกิจ - สังคม

    ช่วงเดือนเมษายน การระบาดของไวรัสโควิดจะลดลง และเริ่มมีการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยง และจะมีรพ. เอกชนนำเข้าวัคซีนมาขายให้กับคนที่มีฐานะฉีด ส่งผลทำให้การท่องเที่ยว และการเดินทางติดต่อต่างประเทศเริ่มกลับมา ซึ่งเป็นไปตามการโคจรของดาวพฤหัส ดาวศุกร์ และราหู ที่เริ่มโคจรรวดเร็ว แปลว่าธุรกิจด้านการท่องเที่ยว นำเข้าส่งออก และงานอีเวนท์ต่างๆ ที่ถูกยกเลิก หรือไม่ได้จัดมาตั้งแต่ปี 2563 กลับมาจัดได้ในช่วงนี้เป็นต้นไป ส่งผลทำให้การท่องเที่ยว และค้าขายกลับมาดีขึ้น แต่พอเกิดปัญหาทางการเมืองก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจสะดุดเป็นพักๆ อย่างไรก็ตามพอเข้าช่วงเดือนกันยายน เศรษฐกิจก็จะกลับมามีปัญหาต่อ เพราะเงินหมุมเวียนในระบบเศรษฐกิจมีปัญหา รวมถึงค่าเงินบาทที่ไม่แน่นอน หุ้นตก และปัญหาหนี้สินของภาครัฐ ที่อาจจะส่งผลทำให้มีการตัดงบประมาณในหน่วยงานต่างๆ และตัดเงินสวัสดิการช่วยเหลือประชาชน ส่งผลทำให้เกิดวิกฤตเงินฝืดอย่างรุนแรง

    ช่วง เมษายน นอกจากปัญหาความรุนแรงทางการเมืองจะทำให้มีคนเสียชีวิตเยอะแล้ว ก็ยังจะมีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และอุบัติเหตุในสถานที่ก่อสร้างมากกว่าปี 2563 อีกทั้งตั้งแต่เดือนเมษาย จนถึง มิถุนายนจะเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตภัยแล้งอย่างรุนแรง และจะมีปัญหาไฟป่าในแถบ ภาคเหนือ และภาคตะวันตก ส่งผลทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และอาจจะมีคนเสียชีวิตจากไฟไห้มป่า

    ส่วนในเขตกทม. ช่วงเดือน พฤษภาคม - กันยายน ให้ระวังจะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้อาคารขนาดใหญ่ในเมือง หรือเกิดอุบัติเหตุแก๊สระเบิด ที่ส่งผลทำให้มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งอาจจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตพอๆ กับเหตุการณ์รถแก๊สระเบิดในปี 2534 นอกจากนี้ปัญหาอาชญากรรมในกทม. จะพุ่งขึ้นสูงมาก จะมีการก่ออาชญกรรมที่เล็กน้อยๆ ไปจนถึงอาชญกรรมสะเทือนขวัญที่ทำให้มีคนเสียชีวิตจากอาชญากรรมในแต่ละเดือนมากกว่าช่วงปี 2563

ดวงเมืองช่วง ต.ค - ธ.ค. 64

การเมือง

    จะเป็นช่วงที่การเมืองวุ่นวาย สภาอยู่ในภาวะที่ล้มเหลว ไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากความแตกแยกทั้งจากพรรครัฐบาล และฝ่ายค้าน มีการล้มการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เสนอมาตั้งแต่ปี 2563 ส่งผลทำให้การเมืองถอยหลัง กลับไปในช่วงปลายปี 2563 และต้องเริ่มต้นกลับมานับหนึ่งใหม่ ส่งผลทำให้เกิดม็อบสารพัดรูปแบบออกมาเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลอีกครั้ง แต่การเมืองจะติดล๊อคไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เนื่องจากศาล และองค์อิสระไม่วางตัวเป็นกลาง จนถึงผู้มีอำนาจไม่ยอมถอย อาจจะส่งผลทำให้ช่วงเดือน ต.ค. - พ.ย. มีความเสี่ยงที่จะเกิดรัฐประหารล้มยึดอำนาจ ล้มล้างรัฐสภาโดยใช้ข้ออ้างความแตกแยกของรัฐบาล และประชาชนมาเป็นข้ออ้าง ซึ่งอาจจะทำให้การเมืองไทยถอยหลังกลับไปอยู่ในยุคเผด็จการสฤษดิ์อีกครั้ง

เศรษฐกิจ - สังคม

    ปัญหาด้านเสถียรภาพของรัฐบาล จะทำให้นักลงทุน และนักธุรกิจขาดความเชื่อมั่น ตลอดจนเรื่องรัฐสภาไม่ทำงานในการแก้ไขปัญหาด้านกฎหมายให้กับประชาชน และการล้มการแก้รัฐธรรมนูญ จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจช่วงปลายปีหยุดชะงัก ไม่มีใครกล้าลงทุน ไม่มีใครกล้าใช้เงิน จนกว่าจะมีรัฐบาลที่น่าเชื่อ และมีนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ชัดเจน ซึ่งแม้ว่าช่วงปลายปี ปัญหาวิกฤตโควิดอาจจะคลี่คลายไปแล้ว แต่ปัญหาการเมืองอาจจะทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก ไม่ต่างจากช่วงที่เกิดวิกฤตโควิดมากนัก อีกทั้งอาจจะทำให้ธุรกิจค้าปลีก และท่องเที่ยวบางส่วนที่เอาตัวรอดมาได้จากวิกฤตโควิด อาจจะต้องล้มเลิกกิจการ หรือเจอปัญหาด้านเงินทุนอีกครั้ง รวมไปถึงอาจจะมีสถาบันการเงิน หน่วยงานรัฐวิสหากิจ ที่เจอปัญหาขาดทุน หนี้เสีย และค่าเงินบาท ทำให้ต้องมีการแปรรูปใหม่ หรือโดนรัฐบาลขายทิ้งไปเพื่อตัดปัญญหา

    ในช่วงปลายปี 2564 ปัญหาอาชญากรรมจะพุ่งสูงมากกว่าช่วงกลางปี และธุรกิจสีเทาเช่นปล่อยเงินกู้นอกระบบ หวยใต้ดิน บ่อนการพนัน และการค้ายาเสพติดจะกลายเป็นธุรกิจทำเงินมากกว่าธุรกิจถูกกฎหมาย จนมีกลุ่มนักการเมือง และข้าราชการเข้าไปร่วมกับธุรกิจประเภทนี้อย่างออกหน้าออกตา และไม่มีกฎหมายไปทำอะไรได้ รวมถึงตำรวจ ทหารล้วนใส่เกียร์ว่าง เพราะอาจจะมีบางคนเข้าไปพัวพัน ส่งผลทำให้สังคมประเทศไทยในช่วงปลายปี 2564 ค่อนข้างจะเป็นแดนสนธยา คนที่ทำธุรกิจถูกกฎหมายอาจจะไม่รุ่ง แถมต้องอยู่เงียบๆ แต่คนทำธุรกิจผิดกฎหมายกลายเป็นคนมีอำนาจบารมี ตำรวจ ทหาร นักการเมืองเกรงใจ และอาจจะได้เข้าไปมีตำแหน่งทางการเมือง หากเกิดรัฐประหารขึ้นมา ซึ่งยิ่งจะทำให้ปัญหาสังคมไทยมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจนอาจจะเข้าใกล้สู่ความเป็น Fail State ซึ่งทั้งหมดนี้อาจจะสามารถหลีกเลี่ยงได้ ถ้าศาล และผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองนี้รู้จักยอมรับว่าตัวเองทำผิด และยืนข้างความถูกต้องมากกว่าจะพยายามดันทุรังให้พวกตัวเองถูกไม่เคยทำผิด จนถึงกับต้องยอมตัดสินแบบบิดเบือนกฎหมายสูงสุดของประเทศให้คนพวกนี้ได้มีอำนาจอยู่ในตำแหน่งต่อในขณะที่ เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศเสื่อมไปเรื่อยๆ

ธุรกิจในปี 2564 ที่จะเติบโต และเอาตัวรอดได้ดี

    1. ธุรกิจด้านบริการการแพทย์ และส่งเสริมสุขภาพ

    2. ธุรกิจด้านรับเหมาตกแต่ง ซ่อมแซมบ้าน และแก้ไขปัญหาต่างๆ

    3. ธุรกิจด้านการปล่อยสินเชื่อ และเงินกู้

    4. ธุรกิจด้านค้าขายอาหารแบบ Delivery และบุฟเฟต์ราคาถูก

    5. ธุรกิจด้านอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยแบบ IT ที่ใช้เทคโนโลยี 5G ที่สร้างความปลอดภัยให้กับที่อยู่อาศัย สำนักงาน และคนภายในครอบครัว

"โหรวสุ" หรือนายวสุวัส คำหอมกุล

นอกจากนี้ โหรวสุ ยังได้ออกมาโพสต์สรุปดวงเมืองครึ่งปีหลัง 2564

ด้านการเมือง

    การเมืองในครึ่งปีจะมีแต่ปัญหาการทำงานที่ไม่เป็นเอกภาพของคณะรัฐมนตรี กับหน่วยงานราชการ ก็จะส่งผลกระทบต่อภาคประชาชน และธุรกิจที่รู้สึกสับสนกับการประกาศนโยบาย หรือความช่วยเหลือต่างๆ ที่กลับไปกลับมา โดยเฉพาะช่วง ก.ย. - ต.ค. ที่พอมีประกาศนโยบายใดๆ ไปแล้วก็เกิดทะเลาะกันระหว่างหน่วยงานจนต้องยกเลิกประกาศเดิมแล้วกลับมาแก้ไขใหม่  ส่งผลทำให้ช่วงปลายปี สถานะของรัฐบาลจะไม่ค่อยมั่นคงนัก และอาจจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน และกลุ่มนักธุรกิจเหมือนเก่า รวมถึงการแตกคอกันในพรรคร่วมรัฐบาลทั้งเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และนโยบายต่างๆ ซึ่งในช่วงเดือนพ.ย. 64 –  ก.พ 65 มีโอกาสสูงที่จะมีการประกาศยุบสภา หรืออาจจะเกิดรัฐประหารยึดอำนาจจากกองทัพในช่วงนั้นด้วย

เศรษฐกิจ

    ตั้งแต่หลังเดือนก.ย. 64 เป็นต้นไป ที่ดาวราหูล้วงทรัพย์ในมุมการเงินของดวงเมือง และดาวพฤหัสโคจรเป็นนิจ รัฐบาลอาจจะเริ่มมีการกู้เงินก้อนใหญ่อีกรอบ ซึ่งครั้งนี้น่าจะเป็นการกู้เงินก้อนใหญ่จากต่างประเทศ ที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ก้อนโต และสูญเสียอำนาจในการบริหารจัดการนโยบายด้านคลังเหมือนในช่วงปี 2541 ซึ่งอาจจะทำให้ช่วงเดือน ต.ค. – ธ.ค. 64 รัฐบาลมีมาตรการ หรือนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อภาคธนาคาร ภาคธุรกิจการลงทุน และการจัดเก็บภาษีของประชาชน ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องที่ทำให้เสถียรภาพ และความเชื่อมั่นของรัฐบาลตกต่ำลงในเรื่องการเมือง และยังทำให้เศรษฐกิจปลายปีที่พอจะพื้นตัวกลับมานั้น กลายเป็นไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่นัก เพราะพอเข้าต้นปี 2565 ที่มาตราการ หรือนโยบายดังกล่าวนั้นเริ่มมีผลบังคับใช้ จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยกลับมาตกต่ำ และมีปัญหาอีกครั้งเหมือนช่วงกลางปี 2564 

สังคม

    คดีความขึ้นโรงขึ้นศาลจากการฟ้องร้องทวงหนี้ตระกูลดัง และการฉ้อโกงจากการลงทุนของบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม ซึ่งในช่วงเดือนก.ย. – ต.ค. 64 ส่วนเรื่องการระบาดของไวรัสโควิด ยังคงจะมีการระบาดอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายเดือนต.ค. 64 ตัวเลขผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตถึงจะเริ่มลดลงมาบ้างเมื่อเทียบกับช่วงกลางปี อย่างไรก็ตามการจำนวนของผู้ติดเชื้อยังคงมีตัวเลขคงที่ต่อไปจนถึงต้นปี 2565 ซึ่งช่วงต้นปี 2565 ช่วงเดือนม.ค.  – ก.พ. 65 ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของไวรัสโควิดรอบ 4 ซึ่งอาจจะซ้ำเติมให้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจในช่วงนั้นให้แย่ลงไปอีก ประกอบสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในช่วงปลายปี 2564 จะทำให้มีคนตกงานเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงต้นปี  และจะทำให้คนตกงานเลือกที่จะก่ออาชญากรรม และทำธุรกิจสีเทากันมากขึ้น การเติบโตของธุรกิจสีเทาจะทำให้เกิดกลุ่มผู้มีอิทธิพล และเจ้าพ่อรายใหม่ที่จะเข้ามามีอิทธิพลในสังคม และการเมืองช่วงปี 2565

อุบัติเหตุอุบัติภัย

    ดวงเมืองยังมีคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุที่จะทำให้เกิดไฟไหม้ โรงงาน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงานที่เป็นตึกสูง รวมถึงอาจจะมีการระเบิดขนาดใหญ่ของน้ำมัน แก๊ส หรือวัตถุไวไฟต่างๆ ที่อยู่ในภายใน และการถล่มของไซต์งานก่อสร้างขนาดใหญ่ หรือการเคลื่อนย้ายวัสดุหรือสิ่งก่อสร้างที่เป็นพวกคอนกรีต หรือโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ ที่จะทำให้มีคนเสียชีวิตหลายรายในในช่วงเดือน ก.ค. – ก.ย. 64

ราศีที่จะต้องเผชิญหน้ากับปัญหา และเปลี่ยนชีวิตครั้งใหญ่

    1. ราศีเมษ

    2. ราศีพฤษก

    3. ราศีกรกฎ

    4  ราศีกันย์ 

    5. ราศีมังกร

 คนที่เกิดลัคนาราศีที่กล่าวมาถ้ายังไม่สนใจการเมือง ปัญหาสังคม ไม่เตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจ อาจจะทำให้ชีวิตตกต่ำหันไปก่ออาชญากรรมร้ายแรง และอาจถึงขั้นคิดสั้นได้

ที่มา : Wasu โหรวสุ

บทความที่คุณอาจสนใจ