ผลไม้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ทุกบ้านขาดไม่ได้ และเป็นที่ชื่นชอบของหลายครอบครัวเป็นอย่างมาก เพราะมันอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูง แถมยังอร่อยเลิศรสมากอีกด้วย การบริโภคผลไม้ในระยะยาวจะช่วยให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง 

    แต่วันนี้แอดมินจะขอนำเสนอผลไม้ชนิดหนึ่ง ที่ค่อนข้างหาซื้อได้ยากมากตามร้านขายผลไม้ทั่วไป ผลไม้ที่ว่านี้ก็คือ “องุ่นนิ้วแม่มด” หรือ “องุ่นมนต์ดำ” หรืออีกชื่อที่เรียกกันคือ “องุ่นดำไร้เมล็ดเล็บมือนาง” นี่เอง แม้ชื่อเยอะจริงๆ ซึ่งองุ่นพันธุ์นี้กำลังเป็นนิยมปลูกกันมากในหลายประเทศ

.

    และองุ่นชนิดนี้ก็มีชื่อเรียกที่งดงามในต่างประเทศว่า “Tear of Moonlight”  ซึ่งเป็นองุ่นสายพันธุ์เอเชีย มันเป็นองุ่นไร้เมล็ด เป็นสายพันธุ์นี้ได้รับการจดสิทธิบัตร โดยการใช้เทคนิคตัวอ่อนที่ไม่มีเมล็ดและได้รับการพัฒนาร่วมกัน ได้รับการส่งเสริมโดย International Fruit Genetics และ University of Arkansas

     องุ่นเล็บมือนางนี้จะเก็บเกี่ยวได้ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน  หลังจากผลสุกแล้วก็จะไม่ร่วงหล่นพื้น,จะไม่เ น่ า เ สี ย ในพวง โดยปกติแล้ว 1 พวงจะมีน้ำหนักมากถึง 1,000 กรัม และโดยเฉลี่ยผลองุ่นแต่ละลูกจะมีน้ำหนักประมาณ 10 กรัม 

    องุ่นเล็บมือนางนี้จะมีลูกเรียวยาว เนื้อแน่น รูปทรงจะคล้ายนิ้วมือของคนมาก ผิวด้านนอกจะเป็นสีน้ำเงินเข้มออกม่วงสม่ำเสมอทั้งลูกเมื่อผลสุกแล้ว เนื้อหวานกรอบ ไม่มีกากา ไร้เมล็ด มักจะนิยมปลูกในพื้นที่แห้งไม่มีฝนตกชุก มีน้ำตาลสูง ง่ายต่อการตากแดดให้แห้งจนเป็นเม็ดลูกเกด

    รสชาติขององุ่นชนิดนี้จะหวานมาก หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งหลายเท่า มีน้ำมาก สามารถออกผลใน 100 วัน ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการออกมาเปิดเผยว่า หลังจากการตรวจสอบพบว่า มันมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าองุ่นธรรมดาถึง 10 เท่า

    องุ่นเล็บมือนางนี้มีความทนทานต่อความหนาวเย็นและความแห้งแล้งได้ดี เมื่อมันสุกแล้วจะไม่มีเมล็ดและไม่มีแกนกลางในผล ผิวของมันจะบางและนุ่ม ที่สำคัญกว่านั้นคือ เวลาเราทานองุ่นชนิดนี้เข้าปากไปแล้วก็ไม่ต้องคายเมล็ดอีก ที่สำคัญกว่านั้นคือองุ่นชนิดนี้จะไม่มีแมลง องุ่นสามารถแขวนไว้บนต้นได้นาน 2 เดือน โดยไม่ร่วงหล่นลงพื้น ทำให้มันสดมาก 

    องุ่นเล็บมือนางนี้สามารถปลูกได้ทุกที่ ทุกอากาศ ปลูกได้ง่ายในดินทั่วไป สามารถบอกได้ว่าแค่หว่านลงดินทั่วไปมันก็โตได้ เป็นพืชทนความแล้งได้ดี! ไม่ต้องมานั่งรดน้ำทุกวัน

    ที่บ้านปลูกแค่  2 ต้น ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ 45 กก.แล้ว กินให้อิ่มหนำกันไปเลย ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อให้ยุ่งยาก หันมาปลูกกินเองกันดีกว่านั้น คุ้มค่าจริงๆ ว่าไหม

ที่มา : ezp9 | เรียบเรียงโดย LIEKR