เกจิดัง "หลวงปู่เหลือง" พระราชาคณะ ผู้สมถะเรียบง่าย ไม่หลงในลาภยศ ชอบอยู่ตามป่าเขา

LIEKR:

ขอกราบสาธุๆค่ะ

        ในปัจจุบันการที่จะมองหาพระแท้สายปฏิบัติสักรูป ที่ยังคงวิถีแห่งพุทธที่รักสันโดษ อยู่อย่างเรียบง่ายนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะท่านเหล่านั้นมักหลีกเร้นความวุ่นวาย อยู่อย่างเงียบ ๆ โดยเฉพาะพระชั้นผู้ใหญ่ เว้นแต่จะมีลูกศิษย์ลูกหา นำเรื่องราวชีวิตของท่าน มาเผยแพร่ผ่านโซเชียวเป็นธรรมทานให้เราได้รับรู้กัน

        เช่นเดียวกับ หลวงปู่เหลือง พระราชาคณะ วัดกระดึงทอง ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ วัย 92 ปี ยังคงทำหน้าที่ของพระสงฆ์เป็นแบบอย่างที่ดี สร้างความเลื่อมใสศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชน

        หลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม หรือ พระราชปัญญาวิสารัท วัดกระดึงทอง ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เป็นพระเถราจารย์ชื่อดังแห่งแดนอีสานใต้รูปหนึ่ง ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดกระดึงทอง ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ และที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ (ธรรมยุต)….

        หลังได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดกระดึงทอง ได้พัฒนาวัดให้เป็นศูนย์รวมของชาวบ้าน ขณะเดียวกัน ได้นำพระภิกษุ-สามเณร ตลอดจนถึงประชาชนชาวบ้านพัฒนาวัดวาอาราม จนทำให้วัดมีการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน อาทิ มีศาลาอเนกประสงค์ชั้นเดียว ใช้สำหรับฉันภัตตาหารเช้า ศาลาการเปรียญ 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นที่ประชุมของพระสังฆาธิการ กุฏิสงฆ์ 23 หลัง พระอุโบสถ เมรุและศาลาบำเพ็ญกุศล

        นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์และศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ วัดกระดึงทองยังใช้เป็นสถานที่สอบธรรมสนามหลวง ใน จ.บุรีรัมย์ (ธรรมยุต) มีเพียงแห่งเดียว และเป็นที่ประชุมพระสังฆาธิการประจำจังหวัดด้วย…

        ด้านการสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่เหลือง ไม่ได้จัดสร้างบ่อยนัก นานครั้งในวาระพิเศษ จึงจะมีการจัดสร้างสักครั้งหนึ่ง ท่านจะเน้นคำสอนให้ลูกศิษย์นำไปปฏิบัติมากกว่า แต่จะอนุญาตให้ศิษย์ใกล้ชิดสร้างขึ้นเป็นพิเศษ ทำให้วัตถุมงคลของท่านมีจำนวนไม่มากนัก แต่ปรากฏว่าได้รับความนิยมไม่แพ้กัน

        โดยส่วนตัวของหลวงปู่ ท่านเป็นผู้สมถะเรียบง่าย รักสันโดษ ชอบอยู่ตามป่าเขา แม้ย่างเข้าวัยชราเปรียบประดุจไม้ใกล้ฝั่ง แต่สิ่งดีที่มีในตัวท่าน ยิ่งชรา ยิ่งโชติช่วง ยิ่งสว่าง งามทั้งศีล ทั้งธรรม

        แม้ว่าพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจะมีมากมายในศาสนาพุทธ แต่ท่านเหล่านั้นมักจะไม่มีเรื่องราวอะไรที่ทำให้ผู้คนสนใจ ซึ่งต่างจากพระที่บวชเข้าไปแล้วทำเสื่อมเสีย แล้วถูกแชร์ผ่านโลกโซเชียล จนหลายคนมองเพียงแง่ลบในพระพุทธศาสนา เท่านั้น

ที่มา : siamama

บทความที่คุณอาจสนใจ