มรสุมชีวิตลูกใหญ่ "อาตู่ นพพล" เตรียมแผนเกษียณ วางมือเป็นผู้จัดละคร ไปอยู่กับธรรมชาติ

LIEKR:

"...เคยเห็นมาแล้วคนที่อยู่สูงสุดลงมาอยู่ต่ำสุด กับต่ำสุดขึ้นไปอยู่สูงสุดชีวิตเขาเป็นยังไง มันเป็นบทเรียนให้อาตู่ได้จำ" -อาตู่ นพพล

    เป็นถึงนักแสดงและผู้กำกับระดับตำนาน สำหรับ "อาตู่ นพพล โกมารชุน" ที่มาย้อนเล่ามรสุมชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ของการทำงาน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน 31 ที่มีหนิง ปณิตา และบูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

    พอไม่ได้รับละครมานาน การที่ต้องมารับสักเรื่อง คุณอาเลือกยังไง? 

    “เป็นคนที่ไม่เลือกบทมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ชอบแสดง เป็นคนรักในการแสดงมาก มีใครอยากให้แสดงอะไรรับหมด แล้วมันยังมีอีกหลายบทบาทมากตั้งแต่แสดงมา 43 ปี ยังมีอีกเยอะบทที่เราไม่เคยเล่น แล้วก็อยากเล่นด้วย”

    ในยุคที่อาเป็นผู้จัด ผู้กำกับฯ งานละครเฟื่องฟูมาก วันหนึ่งที่เราต้องย้ายจากที่ที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งเราทำยังไงให้ไม่ทุกข์แล้วมีความสุขกับงาน? 

    “มีช่วงเปลี่ยนถ่าย แล้วเกิดเหตุการณ์ค่อนข้างจะรุนแรงตอนนั้นกับบริษัท แทบจะล้มเลย เราก็เสียใจมาก เพียงแต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปเราได้คนรอบข้างที่ดี ได้คู่ชีวิตที่ดี เราคุยกัน จับมือกัน สู้ต่อไหม สู้ต่อได้ เพราะฉะนั้นเราต้องทำใจให้นิ่งที่สุด เพื่อไม่ให้ทุกอย่างมันหนักหนาสาหัสกว่านั้น 

    อาตู่จะไม่เหมือนนักแสดงคนอื่น อย่างบางคนเข้ามาตอนอายุ 25 มาจากอาชีพนู้นอาชีพนี้แล้วมาเป็นนักแสดง แต่อาตู่เกิดมาพ่อแม่เป็นนักแสดง พ่อ แม่เป็นนักพากษ์อยู่ในวงการ เราก็เลยรู้จักนักแสดงทั้งหมด รู้เหตุการณ์ในวงการทั้งหมด ก็เคยเห็นมาแล้วคนที่อยู่สูงสุดลงมาอยู่ต่ำสุด กับต่ำสุดขึ้นไปอยู่สูงสุดชีวิตเขาเป็นยังไง มันเป็นบทเรียนให้อาตู่ได้จำ เพื่อที่จะเอามาสอนตัวด้วย อย่างแม่เนี่ยไม่เคยสอนการแสดงเลย แต่แม่จะสอนเรื่องการใช้ชีวิตของการเป็นนักแสดง เพราะฉะนั้นเราเตรียมใจได้ เราทำใจได้”

    การใช้ชีวิตของการเป็นนักแสดงที่ดีควรทำยังไง? “ทั้งหมดอยู่ที่การรับผิดชอบ แม่จะทำตัวให้เป็นตัวอย่างให้เราเห็นทุกวัน แล้วเราก็จะจำ”

    อาปรับตัวยังไงกับยุคปัจจุบัน? 

    “มันก็เหนื่อยมากนะ เพราะบางทีสิ่งที่เราชอบมันไม่ถูกกับการตลาด แต่ก็ต้องพยายาม อย่างน้อยให้ได้แทรกไปสักนิดนึง หยอดเข้าไปสักหน่อย ต้องมีตลอด”

    พอเป็นเรื่องวัฒนธรรมอย่างที่อาชอบ พอมายุคนี้มันเชย มันจิ้นดีกว่า อารู้สึกยังไงบ้าง? 

    “ทำให้เราเกือบจะท้อ แต่ไม่ถึงกับท้อ อาชีพนี้ท้อไม่ได้ ยังไงเราก็ต้องทำ เรามานั่งคิดดีกว่าครับ เรามานั่งคิดให้หนักขึ้นไปอีก ทำงานให้เยอะขึ้นไปอีกว่าทำยังไงเราถึงจะสอดให้เขาดูได้ แล้วเขาชอบด้วย”

    ตอนคุณอาเจอปัญหาหนักๆ ในชีวิต คนที่อยู่ข้างกายของคุณอาคือพี่นุช? 

    “ครับ เราสองคนช่วยกัน เพราะถ้ามันมีอะไรกระทบขึ้นมากับบริษัทก็หมายถึงกระทบทั้งคู่ แต่พี่นุชเขาเป็นคนที่สู้ ถ้าไม่อย่างนั้นเขามาไม่ถึงตรงนี้หรอก เวลาเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาเราหันหน้าเข้าหากันก่อน คุยกันว่าเราจะแก้ปัญหายังไง แล้วก็เป็นกำลังใจให้กันและกัน”

    อาการของพี่นุชตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? 

    “ดีครับ ตอนนี้สุขภาพอะไรต่างๆ แข็งแรงขึ้นมาก จากที่เคยเดินไม่ได้อยู่ 2 ปี แล้วก็ไปรักษาจนกระทั่งเดินได้เดี๋ยวนี้ขยับตัวเร็วเกินไป ความที่เธอพลังเยอะ ไม่ค่อยจะระมัดระวังตัวเท่าไหร่ ต้องคอยดึงๆ ไว้บ้าง ตอนนี้ดีขึ้นมากๆ เลยครับ”

    ให้กำลังใจกันยังไง? “เราก็อยู่ใกล้ชิดให้มากที่สุด เพราะคิดว่าการที่อยู่ใกล้ชิดกัน ได้กอดกันมันคือการส่งพลังให้กันและกัน”

    อาได้วางแผนชีวิตไหม? 

    “สำหรับกำกับกับการเป็นผู้จัดคิดว่าไม่น่าจะเกิน 3-4 ปีนี้ก็ว่าจะเริ่มถอย เพราะว่าแรงมันเริ่มที่จะถอยเหมือนกัน เรารู้ตัวเราดี เมื่อไหร่ถึงเลข 7 ก็น่าจะถอยได้แล้ว แต่การแสดงไม่หยุดแน่นอน ไม่มีวันหยุด ยังไงก็ยังชอบการแสดง”

    เห็นว่าอาจะไปอยู่เชียงรายเป็นหลัก ถ้าสมมติไม่มีงานแสดงหรืออะไรก็แล้วแต่? 

    “ใช่ครับ ต้องการอยู่กับธรรมชาติให้ได้มากที่สุด อาตู่ว่าชีวิตในเมือง เป็นชีวิตที่ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ เราตื่นมา เราก็เห็นแต่ตึก เห็นแต่รถติด ฝุ่นควันทั้งหลาย อยู่ตรงนั้นอาตู่ก็จะมีความสุขกับสัตว์เลี้ยงต่างๆ แล้วก็ต้นไม้ ดอกไม้”

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<<

ที่มา : คุยแซ่บShow

บทความที่คุณอาจสนใจ